ในสังคมปัจจุบัน ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่สร้างความวิตกกังวลให้กับทั้งหนุ่มและสาววัยทำงานในบางครั้งรวมถึงวัยเรียน ดังนั้นผลิตภัณฑ์เพื่อการปลูกผมจึงถูกพัฒนาขึ้นมาในหลายรูปแบบ เช่น สมุนไพรปลูกผม สารเคมี รวมไปถึงการผ่าตัดเพื่อปลูกผม เป็นต้น อย่างไรก็ตามในครั้งนี้จะพูดถึงยาปลูกผมที่ได้ผลดีที่สุดจากการรีวิวของผู้ใช้ทั่วไป
บางท่านแนะนำให้ใช้แชมพูที่มีสรรพคุณในการลดผมขาดหลุดร่วง เช่น Bergamot Shampoo หรือ Hair Tonic หรือ Shampoo Pregaine หรือแชมพูสมุนไพรของ Olaboเป็นต้น ในขณะที่บางท่านแนะนำผลิตภัณฑ์ที่สกัดได้จากธรรมชาติ เช่น การรับประทานวิตามินดี และไบโอติน การปลูกผมด้วยน้ำมันมะกอก การปลูกผมด้วยน้ำมันมะพร้าว การรับประทาน Zinc ร่วมกับการใช้ยา Retain เป็นต้น และบางท่านเสนอให้ใช้บริการคลินิกปลูกผมอย่างไรก็ตามหากพิจารณาการใช้ยาเม็ดรับประทานอาจจะเห็นผลได้ชัดกว่าวิธีดังกล่าวข้างต้น
ปัจจุบันยาที่ใช้รักษาภาวะผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านเนื่องจากกรรมพันธุ์ที่มีผลทางการแพทย์พิสูจน์ และผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาว่าได้ผลในการรักษามีอยู่เพียง 2 ชนิดเท่านั้นคือ
- ยาฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) ยานี้ออกฤทธิ์โดยการลดระดับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นตัวกลางทำให้เกิดภาวะผมบาง ผมร่วง และศีรษะล้านในที่สุด โดยที่ภาวะเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้หากมีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ กรรมพันธุ์หรือยีนหัวล้านซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ และฮอร์โมนเพศชายหรือ Testosterone (T) ซึ่งพบได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ฮอร์โมนนี้ผลิตจากลูกอัณฑะ และต่อมหมวกไต แล้วจึงเข้าสู่กระแสเลือด หลังจากนั้นจึงไหลเวียนไปสู่ส่วนต่าง ๆของร่างกาย โดยที่หนังศีรษะฮอร์โมนนี้จะถูกเปลี่ยนไปเป็น DHT โดยเอนไซม์ 5- alpha reductaseซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ และยาฟิแนสเทอไรด์จะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5-alpha-reductase ทำให้ระดับของ DHT ทั้งในกระแสเลือด และที่เซลล์สร้างเส้นผมลดลงกว่า 60% จึงช่วยป้องกันมิให้เส้นผมมีขนาดเล็กลง และยังอาจทำให้เส้นผมมีขนาดโตขึ้นอีกด้วย ผลการรักษามีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตอบสนองของยาในแต่ละบุคคล จากรายงานทางการแพทย์ระบุว่ายาตัวนื้ทำให้ผมหยุดร่วง และ ผมขึ้นใหม่อยู่ระหว่าง 66-88% ดังนั้นฟิแนสเทอไรด์จึงนับเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยและได้ผลดีโดยมีผลข้างเคียงที่อาจจะพบได้ดังต่อไปนี้
- ความต้องการทางเพศและการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลง
- ปริมาณน้ำอสุจิลดน้อยลง
- เจ็บบริเวณเต้านมหรือเต้านมอาจโตขึ้นได้
อาการข้างเคียงเหล่านี้จะกลับคืนเป็นปกติเมื่อหยุดใช้ยา หรืออาจหายไปได้เองแม้ว่าจะกินยาอยู่ก็ตามและยานี้ต้องใช้เป็นระยะเวลานานจึงจะเห็นผล
- ยาไมนอกซิติล (Minoxidil Lotion) ยานี้มีชื่อทางการค้ามากมายเนื่องจากผลิตออกมาจำหน่ายเป็นเวลานานกว่า 15 ปี ยาไมนอกซิติลนี้มีลักษณะเป็นน้ำ ใช้ได้ในทั้งเพศชายและหญิง ใช้ทาที่บริเวณหนังศีรษะที่มีผมเส้นบาง ๆ อยู่ ครั้งละ 1 มิลลิลิตร วันละ 2 ครั้ง ควรทาให้โดนหนังศีรษะเพื่อการออกฤทธิ์ของยาที่ดี ยานี้ค่อนข้างปลอดภัยและได้ผลดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหากจะตัดสินว่ายากปลูกผมที่ได้ผลดีที่สุดคือยาชนิดใด ต้องขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาของแต่ละบุคคลด้วย