เคยมั้ยถ่ายรูปแต่ละครั้งต้องเอาผมปิดแก้ม หันข้าง เชิดหน้า ทำปากจู๋เพื่อปกปิดหน้าบาน กรามใหญ่ แก้มป่อง ให้ดูเรียวสวยขึ้น เพราะความสวยเป็นเรื่องใกล้ตัวสำหรับผู้หญิง และการถ่ายรูปเป็นกิจวัตรประจำวันของสาวยุคดิจิตอล แต่จะใช้เทคนิคการแต่งหน้าหรือศัลยกรรมดีนั้น เราลองมาดูกันก่อนว่าทั้งสองวิธีมีดีตรงไหน
วิธีแรกเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด สบายกระเป๋าที่สุด และไม่เจ็บตัว นั่นคือ “การแต่งหน้า” การแต่งหน้าสามารถช่วยให้คุณหน้าเรียวได้ เพียงแค่คุณมีตัวช่วยสามตัว ได้แก่ คอนทัวร์ (Contour) ไฮไลท์ (Highlight) และบรอนเซอร์ (Bronzer)
สำหรับวิธีการเลือกคอนทัวร์นั้น ให้เลือกใช้เฉดสีเข้มกว่ารองพื้นเพื่อทำให้ส่วนที่ต้องการปกปิด เช่น กรามและคางดูมืด ไม่โดดเด่นซึ่งจะทำให้ใบหน้าดูผอมลงทันที และเลือกคอนทัวร์เฉดสีโทนสว่างเพื่อไฮไลท์ส่วนที่อยากให้ดูเด่น เช่น ระหว่างคิ้ว สันจมูก กลางหน้าผาก จุดเหนือริมฝีปากบน และตรงกลางคาง เลือกไฮไลท์ในโทนสีชมพูสำหรับสาวผิวขาว และโทนสีทองสำหรับสาวผิวเหลือง ปัดลงตามแนวโหนกแก้มถัดจากที่ปัดบรอนเซอร์ หลีกเลี่ยงการปัดลงบนแก้มและคางเพราะจะทำให้ใบหน้ากว้างขึ้น สำหรับคนที่อยากมีคางแหลมให้เลือกใช้บรอนเซอร์ สาวผิวขาวควรเลือกเฉดสีพีชหรือโทนสว่าง สีผิวผสมควรเลือกเฉดสีทอง และผิวคล้ำควรเลือกเฉดสีเข้มกว่าสีผิว ทาบริเวณหน้าผาก จมูก โหนกแก้มส่วนบน ขอบใบหน้าตามแนวกรามไปจนเกือบถึงคางแล้วเกลี่ยให้เนียน เพียงใช้แค่ตัวช่วยสามตัวนี้คุณก็จะมีหน้าเรียวสวยได้ทุกวัน
สำหรับสาวๆ ที่ “อยากหน้าเรียว” แต่ไม่มีเวลาแต่งหน้าและต้องการเห็นผลรวดเร็ว อีกทางเลือกหนึ่งที่แนะนำคือ “การศัลยกรรม” ซึ่งการศัลยกรรมให้หน้าเรียวมีหลายวิธีให้เลือก ตั้งแต่โบท็อกซ์ (Botox) ร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ เมโสแฟต (Monotherapy Fat) ผ่าตัดโหนกแก้มและกราม เป็นต้น
วันนี้จะขอนำเสนอวิธีที่เป็นที่นิยมกันได้แก่ การฉีดโบท็อกซ์ สาร Botulinum Toxin จัดเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังคลายตัวและปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง วิธีนี้นอกจากจะไม่เจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้นแล้วยังเห็นผลได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่หากต้องการให้หน้าเรียวสม่ำเสมอก็ต้องมาฉีดซ้ำทุกๆ 6 – 8 เดือน วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีไขมันบริเวณใบหน้าหรือมีเนื้อแก้มเยอะ
อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับให้รูปหน้าของคุณเรียวเล็กได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นคือ การร้อยไหม โดยการนำไหมละลายที่มีขนาดความหนาและความยาวแตกต่างกันออกไปมาร้อยหรือสอดลงไปใต้ผิวให้เป็นแนวเดียวกับกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนทำให้ใบหน้าเรียวและตึงกระชับมากขึ้น วิธีนี้จะเห็นผลนานมากที่สุดและเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย
วิธีสุดท้ายคือ เมโสแฟต อีกหนึ่งวิธีที่กำลังเป็นที่นิยม การทำเมโสแฟตจะช่วยเร่งการสลายไขมันส่วนเกิน ลดปัญหาเซลลูไลต์ที่สะสมในชั้นไขมัน เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและต่อมน้ำเหลืองทำให้ร่างกายเผาผลาญและกำจัดไขมันส่วนเกินออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากเมโสแฟตจะช่วยเรื่องหน้าเรียวแล้วยังช่วยเรื่องการยกกระชับอีกด้วย ตำแหน่งที่นิยมทำเมโสแฟตได้แก่ บริเวณคางและแก้ม ซึ่งโดยปกติจะนิยมทำควบคู่กับการฉีดโบท็อกซ์ เหมาะสำหรับคนหน้าใหญ่ หน้ากลม และมีแก้มเยอะ
เห็นมั้ยล่ะว่าถ้า “อยากหน้าเรียว” สวยเป๊ะ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสาวๆ เลย และอ่านมาถึงตรงนี้คิดว่าทุกคนคงจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่า จะเลือกใช้วิธีไหนระหว่างเทคนิคการแต่งหน้าหรือการศัลยกรรม…