- จันทร์ :08:00-18:00
- อังคาร :08:00-18:00
- พุธ :08:00-18:00
- พฤหัสบดี :08:00-18:00
- ศุกร์ :08:00-18:00
- เสาร์ :08:00-18:00
- อาทิตย์ :08:00-18:00
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้บริการ ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา เพื่อประเมินภาวะสมาธิสั้นในเด็กและใช้ยาช่วยบำบัด ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ในกรุงเทพ มีศูนย์กุมารเวช ที่ให้การเกี่ยวกับเด็กโดยเฉพาะ พร้อมให้ คำปรึกษาโดยกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก อีกทั้งพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในด้านนี้โดยเฉพาะ ให้บริการในบรรยากาศที่อบอุ่นและใกล้ชิด เพื่อให้คุณไว้วางใจในการรักษากับทางโรงพยาบาล
การทำการรักษาโดยใช้ยา (สมาธิสั้น) – ADHD
ชื่ออื่นๆ : ใช้ยาบำบัด (สมาธิสั้น)
การทำการรักษาโดยใช้ยา (สมาธิสั้น) คืออะไร ทำไมต้องมีการทำการรักษาโดยใช้ยา (สมาธิสั้น)?
โรคสมาธิสั้น หรือ โรคเอดีเอชดี (ADHD) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการพัฒนาทางระบบสติปัญญา ระบบประสาท และพฤติกรรม โดยอาการหลักๆ ของโรคอาจสังเกตได้ดังนี้ คือ การไม่มีสมาธิจดจ่อ อยู่ไม่นิ่งและซุกซนผิดปกติ หุนพันพลันแล่นและขาดความยับยั้งชั่งใจ อาการเหล่านี้มักปรากฏในเด็กวัยก่อน 7 ขวบ โรคนี้มักพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง 2-3 เท่า ปัจจุบันพบว่าเด็กทั่วโลกร้อยละ 3-5 ป่วยด้วยโรคสมาธิสั้น โดยเป็นเด็กในวัยเรียนถึงร้อยละ 2-16 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้เป็นอย่างมาก
ในปัจจุบันการใช้ยาถือว่าเป็นมาตรฐานการรักษา ยาที่ใช้มีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อย สามารถช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น สงบและควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเรียนและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดีขึ้น
จะเกิดอะไรขึ้นขณะทำการทำการรักษาโดยใช้ยา (สมาธิสั้น)
ยาที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับโรคสมาธิสั้น ADHD คือ ยากลุ่ม Psychostimulants ได้แก่ ยาแบบออกฤทธิ์สั้น (ชื่อการค้า Ritalin และ Rubifen) ขนาด 10 mg ออกฤทธิ์ภายใน 30 นาที และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์นานประมาณ 2-5 ชั่วโมง และ ยาแบบออกฤทธิ์ยาว (ชื่อการค้า Concerta) ขนาด 18 mg และ 36 mg ออกฤทธิ์ภายใน 20-60 นาที และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์นานประมาณ 12 ชั่วโมง ยาเหล่านี้เป็นยาที่ปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อยและมีประสิทธิภาพในการรักษาสูง ยาจะช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น ซนน้อยลง ดูสงบลง มีความสามารถในการควบคุมตัวเองดีขึ้น และอาจช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น ผลที่ตามมาเมื่อเด็กได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี คือ เด็กจะมีความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองเพิ่มขึ้น และมีความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือคนรอบข้างดีขึ้น
ยาเข้าไปทำอะไรกับสมองของเด็ก
ยาจะออกฤทธิ์โดยการไป “กระตุ้น” เซลล์สมองให้หลั่งสารเคมีธรรมชาติ (ตัวที่เด็กมีน้อยกว่าเด็กปกติ) ออกมามากขึ้นในระดับที่เด็กปกติควรจะมี สารเคมีตัวนี้เป็นตัวที่ช่วยให้เด็กสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น มีสมาธิยาวนานขึ้น เรียนหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลข้างเคียงจากการทำการรักษาโดยใช้ยา (สมาธิสั้น)
ยาในกลุ่มนี้โดยส่วนใหญ่จะไม่มีผลข้างเคียง แต่ถ้ามี เช่น อาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ปวดท้อง และอารมณ์ขึ้นลง หงุดหงิดง่าย ใจน้อย เจ้าน้ำตา อาการข้างเคียงเหล่านี้มักจะไม่รุนแรงและหายไปเองได้เมื่อเด็กรับประทานยาติดต่อกันไปสักระยะหนึ่ง
- เบื่ออาหาร ในมื้อต่อมา แต่จะกินชดเชยในมื้ออื่นๆ ไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตในระยะยาว
- ปวดศีรษะ อาจเกิดในมื้อแรกๆ เมื่อให้กินยาต่อไป จะดีขึ้นและหายปวดหัวได้เอง ร่างกายมีการปรับตัวต่อยาได้ ไม่มีอันตราย ไม่ต้องหยุดยา
- นอนไม่หลับ โดยเฉพาะเมื่อกินยาหลังเวลา 17.00 น. ถ้าแพทย์ให้กินยามื้อบ่ายหรือเย็น ควรกินก่อนเวลา 17.00 น.
อาการข้างเคียงของยานี้ ไม่ได้เกิดทุกคน แพทย์มักแนะนำวิธีปฏิบัติเมื่อเกิดผลข้างเคียงก่อนการให้ยา ถ้าสงสัยให้รีบติดต่อแพทย์ผู้รักษาโดยเร็ว
ข้อควรรู้ก่อนทำการทำการรักษาโดยใช้ยา (สมาธิสั้น)
หากเด็กมีอาการเบื่ออาหารมากหลังจากรับประทานยาจะทำอย่างไร
เด็กบางรายอาจจะมีอาการเบื่ออาหารระหว่างที่ยากำลังออกฤทธิ์ ดังนั้นจึงควรให้เด็กรับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อนให้รับประทานยา โดยปกติแล้วความอยากอาหารจะกลับเป็นปกติ (หรือมากกว่าปกติในบางราย) เมื่อยาหมดฤทธิ์ จึงไม่แปลกที่เด็กบางคนบ่นว่าหิว หรืออาจจะร้องขอรับประทานอาหารเมื่อใกล้เวลาจะเข้านอน พ่อแม่ควรอนุญาตให้เด็กรับประทานอาหารได้ทุกเวลาที่เขาต้องการแม้จะเป็นตอนค่ำ เพื่อชดเชยกับมื้อเช้าหรือมื้อเที่ยงที่เด็กอาจจะรับประทานอาหารไม่ได้มาก มีเด็กเพียงไม่กี่รายที่มีอาการเบื่ออาหารมากจนแพทย์ต้องลดขนาดยาให้น้อยลง หรือให้อาหารเสริม ในบางรายแพทย์อาจให้ยากระตุ้นให้อยากอาหารร่วมด้วย
ยาจะมีผลในระยะยาวต่อร่างกายและสมองของเด็กหรือไม่
พ่อแม่หลายท่านมักจะกังวลว่าจะมีผลเสียกับเด็ก หากเด็กรับประทานยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ เช่น เกรงว่าเด็กจะไม่โต ตัวเล็ก สมองเสื่อม ไม่ฉลาด เป็นต้น ยาที่แพทย์ใช้รักษาสมาธิสั้น ADHD มากที่สุด คือ ยาในกลุ่ม psychostimulants ซึ่งเป็นยาที่มีใช้กันมานานกว่า 60 ปีแล้ว มีการวิจัยมากมายที่ยืนยันความปลอดภัยของยาในกลุ่มนี้ โดยพบว่า เด็กสมาธิสั้นที่รับประทานยาในกลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ มีการเจริญเติบโตเท่ากับเด็กปกติ และมีพัฒนาการทางสมองเป็นปกติ
เพิ่มเติมข้อมูลคลีนิค
ติดต่อเราเพื่อแก้ไข
หมายเหตุ
โดยหลักการแล้ว ราคาของเราจะเริ่มต้นที่ราคาเฉลี่ยและราคาอ้างอิง
- Vejthani hospital (โรงพยาบาลเวชธ...
- 1 ซอย ลาดพร้าว 111 แขวง คลองจั่น...
- Samitivaj hospital (โรงพยาบาลสมิ...
- 133 ซอย สุขุมวิท 49 แขวง คลองตัน...
- Phyathai hospital (โรงพยาบาลพญาไ...
- 364/1 ถ. ศรีอยุธยา แขวง ถนนพญาไท...
- Bangkok hospital (โรงพยาบาลกรุงเ...
- 2 ซอยศูนย์วิจัย 7 ถนนเพชรบุรีตัด...