- จันทร์ :07:00-15:00
- อังคาร :07:00-15:00
- พุธ :07:00-15:00
- พฤหัสบดี :07:00-15:00
- ศุกร์ :07:00-15:00
- เสาร์ :07:00-17:00
- อาทิตย์ :07:00-17:00
การผสมเทียม
ชื่ออื่นๆ : การฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูก, การฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก, การฉีดเชื้ออสุจิ, การฉีดเชื้อผสมเทียม
การผสมเทียม คืออะไร ทำไมต้องผสมเทียม
ปัจจุบันมีคู่รักมากมายที่อยากมีบุตร แต่ก็มีไม่ได้อาจจะด้วยสาเหตุแตกต่างกันออกไป จึงต้องหันมาพึ่งวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ การผสมเทียมนั้น เป็นวิธีการทางเลือกอย่างนึงทางการแพทย์เพื่อรักษาภาวะการมีบุตรยากในปัจจุบันวิธีการนี้เป็นที่นิยมใช้ในการรักษาผู้มีบุตรยากในเบื้องต้น เนื่องจากเป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อน และค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก แต่ให้อัตราการตั้งครรภ์สูงประมาณ 20 % ต่อรอบการรักษา
ข้อบ่งชี้หลักในการรักษาด้วยวิธีการผสมเทียม
- ตรวจไม่พบสาเหตุของภาวะมีบุตรยากจากทั้ง 2 ฝ่าย (unexplained subfertility)
- ปัจจัยจากคอมดลูก (cervical factor)
- มีพังผืดในอุ้งเชิงกรานระดับไม่รุนแรง (minimal to mild pelvic endometriosis)
- ภาวะไข่ไม่ตกเรื่อรัง (Ovarian dysfunction)
- ภาวะน้ำเชื้อฝ่ายชายอ่อนเล็กน้อย (Male subfertility)
จะเกิดอะไรขึ้นขณะทำการผสมเทียม
การผสมเทียม คือการนำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ โดยมีข้อบ่งชี้ ในกรณีที่ฝ่ายหญิงมีภูมิคุ้มกันของเชื้ออสุจิ, กรณีที่เชื้ออสุจิไม่ได้คุณภาพหรือจำนวนอสุจิมีน้อย และนอกจากนั้นอาจ มีกรณีของการที่ตรวจไม่พบสาเหตุของภาวะการมีบุตรยาก ก็ถือว่าเป็นข้อบ่งชี้ในการฉีดเชื้อผสมเทียมด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนการผสมเทียมมีดังนี้
- การฉีดเชื้อสามารถทำได้ในรอบของรังไข่ตามธรรมชาติ หรืออาจทำภายใต้การควบคุมการกระตุ้นไข่ การใช้ยากระตุ้นไข่ชนิดรับประทาน (Chromiphene citrate) จะเริ่มให้รับประทานขนาด 50-100 mg ในวันที่ 2 – 6 ของรอบเดือน และให้รับประทานต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน วิธีนี้อาจช่วยให้มีไข่โตขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
- การตรวจติดตามการเจริญเติบโตของไข่ และการทำนายวันตกไข่ การตรวจอัลตร้าซาวด์เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการติดตามการเจริญเติบโตของ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถมองเห็นไข่ ที่กำลังเจริญเติบโตขึ้นในรังไข่ได้ โดยปกติไข่จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโตขึ้นวันละ 2 – 3 มิลลิเมตร และเมื่อใกล้การตกไข่จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 18 – 24 มิลลิเมตร
- การกำหนดวันไข่ตกที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาด้วยวิธีผสมเทียม ดังนั้นจึงต้องตรวจว่าเมื่อใดที่ไข่โตเต็มที่ แพทย์จะให้ฮอร์โมน hCG ฉีดเพื่อสนับสนุนให้เกิดการตกไข่ตามกำหนด หรือฉีดเมื่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไข่มากกว่า 18 มิลลิเมตร เพื่อกำหนดวันในการฉีดเชื้ออสุจิได้อย่างเหมาะสม
- ในกระบวนการผสมเทียมนั้นเป็นเพียงขั้นตอนที่ง่ายและใช้เครื่องมือเพียงเล็กน้อย โดยที่ฝ่ายหญิงจะต้องนอนบนเตียงตรวจทางสูตินริเวช แพทย์จะใช้เครื่องมือขยายช่องคลอดเพื่อให้สามารถมองเห็นปากมดลูกได้ แพทย์จะทำความสะอาดปากมดลูกโดยใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ด หลังจากนั้นจะต่อท่อที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการฉีดเชื้อเข้ากับกระบอกฉีดยา และทำการดูดเชื้ออสุจิเข้ามาในกระบอกฉีด หลังจากนั้นจะใส่ปลายท่อเข้าไปในโพรงมดลูกผ่านปากมดลูกและค่อยๆฉีดเชื้ออสุจิจากกระบอกฉีดเข้าไปสู่โพรงมดลูกอย่างช้าๆ หลังจากนั้นอุปกรณ์ต่างๆจะถูกนำออกมา และผู้ป่วยจะนอนพักอยู่บนเตียงครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับบ้าน
- การทดสอบการตั้งครรภ์จะกระทำภายหลังการฉีดเชื้อ 2 สัปดาห์
ผลข้างเคียงจากการผสมเทียม
ประมาณ 15 – 20% ของผู้ป่วยจะตั้งครรภ์ในแต่ละรอบของการรักษา ผู้ป่วยที่ทำการรักษาด้วยการผสมเทียมส่วนมากสามารถตั้งครรภ์ได้ในการรักษาสี่รอบแรก ซึ่งอาจหมายถึงระยะเวลา 8 – 12 เดือน
รู้ไว้ก่อนการผสมเทียม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำว่า ควรใช้วิธีการผสมเทียมไม่เกินสามครั้ง หากไม่ได้ผลก็ควรเปลี่ยนวิธีการรักษาวิธีอื่นเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ แต่ในบางกรณีจำนวนครั้งอาจลดลงเหลือเพียงสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณผู้หญิงมีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป เนื่องจากการผลิตไข่จะมีความสมบูรณ์น้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัญหาสำคัญอีกเรื่องคือวิธีการนี้ไม่อาจรับประกันได้ว่าไข่และอสุจิจะปฏิสนธิกันเสมอไป นอกจากนี้วิธีการนี้ยังไม่เหมาะกับคุณผู้หญิงที่มีปัญหาท่อนำไข่ตีบตันหรือมีพังผืดขวางทางระหว่างไข่กับทางเข้าท่อนำไข่ มีปัญหาท่อนำไข่เสียหาย เยื่อบุมดลุกเจริญผิดที่ หรือปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้ไข่ไม่สามารถตกเข้าท่อนำไข่ได้ วิธีนี้ยังไม่เหมาะกับคุณผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องน้ำอสุจิ เช่น มีจำนวนน้อย เคลื่อนไหวผิดปกติ หรือมีปัญหาอื่น ๆ
เพิ่มเติมข้อมูลคลีนิค
ติดต่อเราเพื่อแก้ไข
หมายเหตุ
โดยหลักการแล้ว ราคาของเราจะเริ่มต้นที่ราคาเฉลี่ยและราคาอ้างอิง