ผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

ชื่ออื่น ๆ : ผ่าตัดลดขนาดเต้านม, ลดขนาดเต้านม, ศัลยกรรมลดขนาดหน้าอก

ผ่าตัดลดขนาดหน้าอกคืออะไร ทำไมต้องผ่าตัดลดขนาดหน้าอก?

การที่มีเต้านมขนาดใหญ่เกินไม่สมดุลกับตัว ทำให้มีปัญหาเรื่องการปวดหลัง หรือปวดเมื่อยบริเวณหัวไหล่ เพราะต้องแบกรับน้ำหนักของหน้าอก และหาเสื้อผ้าใส่ยาก การผ่าตัดลดขนาดของเต้านม จึงเป็นการช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้โดยตรง

การลดขนาดของเต้านม แบ่งลักษณะเต้านมที่มีปัญหา ดังต่อไปนี้

ขนาดเต้านมมีขนาดใหญ่โดยเป็นเนื้อต่อมเต้านมล้วน ๆ มีลักษณะตั้งเต้าได้รูปทรงผิวหนังไม่หย่อนยานมาก มักเป็นในกลุ่มวัยรุ่น
เนื้อเต้านมเหลวหย่อนยานและไม่เต่งตึง อาจจะเกิดจากอายุมากขึ้นหรือผ่านการมีบุตรมาหลายคน ทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นและคล้อยลงมากกว่าปกติ

การมีเต้านมขนาดใหญ่ ทำให้เข้าสังคมได้ยาก รวมทั้งเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายได้ยาก เต้านมขนาดใหญ่ทำให้ผู้ป่วยต้องแบกรับน้ำหนักหน้าอกมาก ทำให้ปวดไหล่และปวดหลังได้

จะเกิดอะไรขึ้นขณะผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

คนไข้ทุกคนต้องได้รับการผ่าตัดโดยการดมยาสลบ และต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ระยะหนึ่ง ประมาณ 3 – 7 วัน แล้วแต่สภาพของแผลและคนไข้หลังการผ่าตัด
ก่อนการผ่าตัดต้องได้รับการตรวจสภาพร่างกาย ตรวจเต้านมหาความผิดปกติก่อนผ่าตัด โดยเฉพาะหากมีประวัติมะเร็งเต้านมในครอบครัว ควรแจ้งแพทย์ด้วยทุกครั้ง เพราะเต้านมที่โตมากอาจจะต้องตรวจหาเนื้องอกโดยการทำแมมโมแกรมให้ละเอียดเสียก่อนผ่าตัดลดขนาดด้วย
แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อตรวจหาโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการดมยาสลบ รวมทั้งตรวจเช็คหัวใจหรือปอด เมื่อไม่มีความผิดปกติแล้วจึงรับการผ่าตัดได้
แพทย์จะทำการวัดและกำหนดจุดต่าง ๆ ที่สำคัญสำหรับการผ่าตัดที่หน้าอก เพื่อจะได้ทราบขนาดและตำแหน่งของหัวนมใหม่ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องตำแหน่งผิดพลาด และขนาดของเต้านมจะได้ใกล้เคียงกันมากที่สุด โดยเฉพาะในรายที่มีขนาดเต้านมไม่เท่ากันด้วยยิ่งยากขึ้นไปอีก

ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

แผลอักเสบ หรือแผลแยก ทั้งนี้เนื่องจากการลดขนาดเต้านมต้องมีการตัดเนื้อเต้านมออกไปบางส่วน และมีแผลเกิดขึ้นค่อนข้างมาก นอกจากนั้นต้องเย็บผิวหนังเพื่อสร้างเต้านมขึ้นมาใหม่ด้วยความตึงพอสมควร ดังนั้นการแตกแยกของแผลเย็บจึงอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ทั้งนี้หากดูแลได้อย่างใกล้ชิดและแก้ไขได้ทันท่วงทีก็สามารถรักษาแผลให้หายได้ไม่ยากนัก รวมทั้งสามารถเย็บแผลที่แยกเข้าที่ใหม่ได้
เกิดอาการหัวนมถลอก ทั้งนี้เนื่องจากการลดขนาดเต้านมนั้น ต้องมีการเลื่อนตำแหน่งของหัวนมขึ้นไปในตำแหน่งที่เหมาะสม และเส้นเลือดที่มาเลี้ยงหัวนมนวมทั้งปานหัวนมนั้นอาจจะมีจำนวนน้อยเกินไปทำให้ไม่เพียงพอต่อการคงอยู่ของหัวนม จึงอาจเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และแพทย์จะพยายามระวังมิให้เกิดขึ้น แต่กรณีที่เกิดเหตุดังกล่าว แพทย์อาจจะสร้างหัวนมและปานนมขึ้นใหม่ได้เมื่อแผลทั้งหมดหายสนิทแล้ว
อาการชาที่หัวนม ทั้งนี้เกิดขึ้นจากการกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทของหัวนมในระหว่างการผ่าตัด และในการผ่าตัดบางวิธีอาจจะต้องตัดเนื้อเต้านมออกไปมาก จึงมีโอกาสเกิดอาการชาที่หัวนมและเต้านมได้ ซึ่งอาจจะเป็นเพียงชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
แผลเป็นปูดนูน หมอบอกได้เลยว่า ไม่มีแพทย์คนไหนกล้าบอกได้ว่า การผ่าตัดเต้านมคนไข้คนใดจะได้แผลสวยหรือไม่มีปัญหาจากแผลปูดนูนร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งเสริมการเกิดแผลปูดนูนและอยู่เหนือการควบคุมของแพทย์ด้วย การตัดเย็บเต้านมที่ต้องมีความตึงค่อนข้างมาก เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดลักษณะนี้ได้ หากเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว แพทย์จะทำการรักษาได้หลายวิธี เช่น การใช้ยาฉีดละลายแผลปูด การใช้แผ่นซิลิโคนเจลปิดป้องกัน การฉายแสงป้องกัน หรือสุดท้ายคือการตัดแต่งแผลเป็นใหม่ เป็นต้น
ขนาดเต้านมและระดับหัวนมไม่เท่ากัน การลดขนาดเต้านมนั้น การที่เต้านมมีขนาดแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยนั้นอาจเกิดขึ้นได้เหมือนกัน แม้ว่าจะพยายามตัดให้ได้เต้านมที่ใกล้เคียงกันก็ตาม แต่เมื่อแผลหายสนิทแล้วอาจจะมีขนาดที่ต่างกันได้บ้างเล็กน้อย (คนปกติที่ไม่ได้รับการรักษาอะไรก็มีขนาดเต้านมที่ไม่เท่ากันอยู่แล้วละครับ) ดังนั้นหากมีขนาดที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ก็พอที่จะยอมรับได้ และคงไม่ต้องแก้ไขอะไร แต่หากต่างกันมากจริง ๆ แล้ว ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะต้องแก้ไขใหม่

รู้ไว้ก่อนผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

รับการตรวจสภาพร่างกาย ตรวจเต้านมหาความผิดปกติก่อนการผ่าตัด
แพทย์จะทำการวัดและกำหนดจุดต่างๆที่สำคัญสำหรับการผ่าตัดที่หน้าอก
ควรหยุดงานประมาณ 10 วัน
งดยาต้านการอักเสบ [NSAID] หรือยาแก้อักเสบ หยุดยา 10 วันก่อนการผ่าตัด
ปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณของเต้านมที่ต้องการตัดออก
งดอาหาร และน้ำ ก่อนการผ่าตัด 6 ชม.
เตรียมชุดชั้นในขนาดเล็กลงประมาณ 1 ไซร์
ถ้าความดันสูงควรควบคุมความดันให้อยู่ต่ำกว่า 140/90 mm Hg มิลลิเมตร ปรอท)เนื่องจาการผ่าตัดทำให้เสียเลือดบางส่วน

Chakrawan Clinic (คลินิกนายแพทย์จักรวาล)