เสริมก้น

ชื่ออื่น ๆ : ศัลยกรรมเสริมก้น , ฉีดเสริมก้น , ศัลยกรรมเสริมสะโพก , เสริมสะโพก , ฉีดเสริมสะโพก  

เสริมก้นคืออะไร ทำไมต้องเสริมก้น?

การเสริมก้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับก้นที่อาจจะดูลีบแบนจนเกินไป สำหรับการทำศัลยกรรมเสริมสะโพกมี 2  แบบ อย่างแรกคือ การฉีดไขมันของตัวเองโดยจะทำการดูดไขมันส่วนเกินของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นไขมันหน้าท้องหรือไขมันที่ต้นขาแล้วนำมาฉีดเสริมบริเวณก้นซึ่งก็จะเป็นการลดไขมันส่วนเกินไปในตัว หรือวิธีที่สองคือ การเสริมด้วยถุงซิลิโคนที่ถุงออกแบบมาให้รองรับการกดทับได้ดีซึ่งคนไข้สามารถเลือกไซส์ได้ตามที่ต้องการ พร้อมทั้งเลือกขนาดและรูปทรงของซิลิโคน ไม่ว่าจะเป็นทรงกลม หรือ ทรงรีซึ่งจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า คล้ายๆ ทรงหยดน้ำของหน้าอก นอกจากนั้น ยังมีซิลิโคนให้เลือกได้ 2 แบบทั้งผิวเรียบและผิวทรายซึ่งจะมีโอกาสเกิดพังผืดน้อยกว่า ซึ่งวิธีที่สองนี้ค่าใช้จ่ายจะสูงมากกว่า   การเสริมก้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับบั้นท้าย เช่น ไม่มีก้น หรือหย่อนคล้อย ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะทำให้สะโพกดูผายได้รูปทรงที่สวยงามแล้ว ยังช่วยยกกระชับส่วนที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงขึ้นด้วย ทำให้ใส่กระโปรง กางเกง หรือชุดเดรสแบบเข้ารูปได้สวย เห็นสัดส่วนโค้งเว้าที่ชวนมอง เพิ่มความมั่นใจได้ ส่งผลให้บุคลิกภาพดีขึ้นด้วย    

จะเกิดอะไรขึ้นขณะเสริมก้น

การฉีดไขมัน

1. ทำโดยดมยาสลบในท่านอนหงาย
2. แพทย์จะเปิดแผลที่สะดือหรือขาหนีบสอดสายดูดไขมัน ดูดไขมันบริเวณหน้าท้องและต้นขา
3. พลิกตัวในท่านอนคว่ำ
4. ฉีดไขมันที่สะโพกในปริมาณที่ต้องการ

การผ่าตัด

1. ทำโดยดมยาสลบแล้วนอนคว่ำ
2. แพทย์จะเปิดแผลที่กึ่งกลางสะโพกบริเวณด้านหลังประมาณ 5 – 7 ชม.
3. เปิดช่องว่างในกล้ามเนื้อสะโพกให้มีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับถุงซิลิโคน
4. ใส่ ถุงซิลิโคนเจล หรือแผ่นซิลิโคนโดยจะใส่ใน 2 ระดับคือใต้กล้ามเนื้อ สะโพก หรือใต้ผิวหนัง การเสริมสะโพกเดิมทำโดยใส่ใต้ผิวหนัง ซึ่งมักมีปัญหาเรื่องแข้งและการเลื่อนของถุงซิลิโคนในปัจจุบันสามารถลดปัญหา โดยการเสริมในระดับใต้กล้ามเนื้อสะโพก
5. ใส่สายระบายน้ำเหลือง
6. เย็บปิดกล้ามเนื้อและชั้นใต้ผิวหนัง
7. ถ้าต้องดูดไขมันหรือฉีดไขมันร่วมด้วยก็จะทำหลังเย็บแผลผิวหนังแล้วโดยจะเปิกแผลแยกแพทย์จะไม่ดูดไขมันผ่านทางแผลผ่าตัดเสริมสะโพก
8. ในบางรายที่สะโพกมีการคล้อยมากอาจต้องยกกระชับสะโพกร่วมด้วย หรือในบางคนที่มีผิวหนังย้อยที่ขอบล่างของก้น ก็อาจต้องตัดผิวหนังส่วนเกินออกแล้วเย็บปิดแผล
9. ปิดแผลด้วยผ้ายืดปิดแผล ในกรณีที่มีการดูดไขมันอาจต้องใส่ชุดสำหรับการดูดไขมัน
10. หลังการผ่าตัดมักต้องใส่สายสวนปัสสาวะไว้เพื่อความสะดวกไม่ต้องลุกเดินไปปัสสาวะ
11. เทปที่ปิดไว้มักปิดไว้ 2 – 3 วัน หลังผ่าตัด
12. การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชม.

ผลข้างเคียงจากการเสริมก้น

ภาวะแทรกซ้อนที่คนไข้สามารถพบได้หลังจากทำการเสริมก้นคือ มีการติดเชื้อ เลือดออก และกล้ามเนื้ออักเสบ แต่อย่างไรก็ตามภาวะแทรกซ้อนต่างๆ สามารถลดลงได้จากความชำนาญของศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด หากแพทย์มีความชำนาญและมีความสามารถ ปัญหาเหล่านี้จะลดน้อยลงไป  

รู้ไว้ก่อนการเสริมก้น

• ผู้ป่วยจำเป็นต้องตรวจสุขภาพร่างกาย เพื่อดูความพร้อมก่อนผ่าตัดและดูรูปก้นเพื่อประเมินขนาดของถุงซิลิโคนที่เหมาะสม
• งดอาหารและน้ำก่อนการผ่าตัด อย่างน้อย 6 ชั่วโมง เนื่องจากผู้ป่วยต้องได้รับการดมยาสลบ เพื่อผ่าตัดเสริมก้น
• แผลผ่าตัดจะเป็นแผลเดียวและอยู่บริเวณเหนือร่องก้น
• งดยาแอสไพริน บุหรี่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ กระเทียม หัวหอม น้ำมันปลา วิตามินอี และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองก่อนผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะอาหารพวกนี้มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เลือดออกมากระหว่างผ่าตัดได้
• ถ้ามีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
• เตรียมลางาน 10-15 วัน
• ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ไม่ควรผ่าตัด
• ถ้ามีบาดแผลบริเวณแขน ข้อศอก หัวเข่า หน้าอก หรือหน้าท้องควรงดผ่าตัดไปก่อน
• การผ่าตัดเสริมสะโพกไม่ควรทำร่วมกับการผ่าตัดอื่นๆ บริเวณส่วนหน้าของร่างกาย เช่น การตัดไขมันหน้าท้องหรือการเสริมหน้าอก เพราะจะมีปัญหาในการดูแลหลังผ่าตัด ยกเว้นการดูดไขมันเล็กน้อยอาจทำร่วมกันได้
• ควรมีผู้ดูแลที่บ้านหลังการผ่าตัด
• งดสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด

อ่านรีวิวในกูเกิล