ทำเลสิกตา

Lasik กลายเป็นเรื่องแพร่หลายทั่วโลกไปแล้ว เมื่อในปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีเฉพาะทางเพื่อการทำเลสิกตา ทำให้มีหมอตาเก่งๆ มากมายที่เราสามารถเข้าไปปรึกษาและขอคำแนะนำตามโรงพยาบาลรักษาตาดีๆ และหลายๆที่ก็มีรีวิว Lasik ให้เราได้ศึกษาก่อนที่จะทำและรองรับความต้องการผ่าตัดที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน นอกจากโรงพยาบาลตาทั่วไปที่เปิดให้บริการแล้ว ยังมีศูนย์ผ่าตัดตาเฉพาะทางและคลินิกอีกมากมายที่มีหมอรักษาตาเก่งๆ มากไปด้วยประสบการณ์ ที่จะช่วยให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์มากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะเลือกว่าทำเลเซอร์ที่ไหนดี เรามาทำความรู้จักเบื้องต้นกันก่อนว่าการจะรักษาสายตานั้นคืออะไรและมีวิธีไหนบ้าง

การรักษาสายตามีกี่แบบกันนะ

เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าการทำเลสิกน่าจะเหมาะกับเรา ทีนี้เราก็ควรจะมาทำความรู้จักกันค่ะว่า มีวิธีไหนที่จะเลือกทำได้บ้าง ซึ่งแต่ละประเภทจะเหมาะกับตาแต่ละแบบโดยเราจะสภาพว่าแบบไหนเหมาะกับเราหลังได้รับการประเมินสภาพตาเบื้องต้น

 

  1. Lasik จะเป็นการใช้เครื่องแยกกระจกตาให้มีความหนาให้เหลือ 1 ใน 3 ของกระจกตา โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Microkeratome และหลังจากนั้นก๊จะใช้เครื่องขัดเนื้อกระจกตาชั้นกลางที่มีชื่อว่า ExcimerLaser เพื่อปรับความโค้งของกระจกตา และหลังจากเสร็จแล้วก็จะปิดผิวกระจกตาและนำเข้าที่เดิม
  2. Relex คล้ายกับการทำเลสิกโดยจะเป็นการปรับความโค้งของกระจกตา แต่เป็นการใช้เลเซอร์ ซึ่งจะทำให้มีแผลเล็กๆประมาณ 2-5 มิลลิเมตร โดยข้อดีคือวิธีนี้จะไม่รบกวนกระจกตามากทำให้หลังทำเสร็จจะมีความแข็งแรง
  3. FemtoLasik จะต่างจากการทำแบบปกติ โดยการใช้เลเซอร์เพื่อแยกชั้นตาด้วยเครื่องที่เรียกว่า Femtosecond Laser แทนการใช้ใบมีด และเทคโนโลยีนี้มีความแม่นยำมากในการแยกชั้นตา
  4. PhotorefractiveKeratectomy คือการลอกผิวกระจกตาด้านนอกสุดออก แล้วจึงใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Excimer Laser เพื่อปรับความโค้งของกระจกตา

 

ทำไมต้องรักษาตาด้วยวิธี Lasik?

หลายๆคนคงได้อ่านรีวิวและอาจจะเกิดคำถามว่า การรักษาสายตาด้วยวิธีนี้นั้นเหมาะกับใครกันนะ โดยทั่วๆไปแล้วคนที่มีสายตาปกติก็มักจะใส่แว่นตากันเพื่อช่วยปรับสายตาให้มองเห็นได้เหมือนคนปกติทั่วไป นั่นคือการที่แสงจากวัตถุกระทบที่ผิกกระจกตา แล้วเกิดการหักแสงและโฟกัสไปส่วนจอประสาทตา ทำให้เรามองเห็นเป็นรูปต่างๆได้ชัดเจน เพราะฉะนั้นคนที่มีกระจกตาโค้งมากๆหรือมีลูกตาขนาดยาวจนเกินไปจะทำให้เกิด สายตาสั้น ในทางตรงกันข้าม ถ้ากระจกตาโค้งน้อยหรือลูกตาขนาดเล็กเกินไปจะทำให้เกิด สายตาเอียง และผู้ที่มีกระจกตาเอียงไม่เท่ากัน หรือไม่กลมจะเกิดความปกติที่เรียกว่า สายตาเอียง ซึ่งจะมองเห็นภาพซ้อน และอาจเกิดได้พร้อมๆกับความผิดปกติทางสายตาอีกสองแบบได้ด้วย

แต่การที่สายตาที่ผิดปกติไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะใช้เพื่อตัดสินว่าใครสามารถผ่าตัดรักษาสายตาได้ คนๆนั้นจะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และค่าสายตาควรจะคงที่ภายใน 1 ปี หรือเปลี่ยนแปลงไม่เกิน 50 และต้องไม่มีโรคตาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคตาอักเสบ ภาวะตาแห้งอย่างรุนแรง เป็นต้น

นอกจากนั้นการรักษาด้วยวิธีนี้ยังเหมาะกับคนที่ปัญหาในการใส่แว่น ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง และผู้ที่มีอาการระคายเคืองจากการใช้คอนแทคเลนส์

 

Lasik ราคาเท่าไหร่?

Lasik ราคาท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะหมอตาเก่งๆ และสถานพยาบาลดีๆ ที่เปิดให้บริการครบวงจร ราคาก็จะอยู่ที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน โดยราคาที่ต่ำกว่าสถานพยาบาลทั่วไปนั้น อาจถูกตัดทอนค่าใช้จ่ายในส่วนคัดกรองก่อนผ่าตัด รวมไปถึงบริการดูแลก่อนและหลังการผ่าตัด การศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

ราคาในการทำของแต่ละคลินิครักษาตานั้นก็จะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความผิดปกติของตาแต่ละคน เช่น บางคนอาจจะต้องทำแค่ข้างเดียว หรือบางคนต้องทำทั้งสองข้าง ซึ่งมักจะเริ่มจากหลักหมื่นราวๆ 25,000 บาทขึ้นไป อยู่ที่ความอยากง่ายของแต่ละกรณีด้วย

 

เลสิกที่ไหนดี?

คำถามยอดฮิตของผู้สนใจ คือ ทำ Lasik ที่ไหนดี? ที่ ThailandClinics เรามีคำตอบให้คุณค่ะ คุณสามารถเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกตาใกล้บ้าน ศึกษารายละเอียดการทำ จักษุแพทย์ประจำสถาบัน ประเมินค่าใช้จ่าย รวมถึงอ่านรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการรักษา?

พอได้อ่านรีวิวเลสิคกันแล้ว และแน่ใจแล้วว่าอยากทำแน่ๆ ทีนี้ก็ต้องมาเตรียมตัวกันค่ะว่า การที่จะรักษาจะต้องเตรียมยังไงบ้าง

 

มาเร่ิมจากการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการประเมินสภาพตา

  • การตรวจสภาพตานั้นใช้เวลานานถึง 2-3 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นควรที่จะเตรียมใจไว้
  • ไม่ควรขับรถมาเอง เนื่องจากอาจจะต้องหยอดยาขยายม่านตาเพื่อให้การตรวจจอประสาทตาง่ายขึ้น ซึ่งการหยอดตาจะส่งผลให้ เราแพ้แสงหรือสู้แสงไม่ได้ไปอีก 3-4 ชั่วโมง และควรที่จะพกกันแดดติดตัวมาได้
  • งดใช้ยาเพื่อรักษาสิว ถ้ามี
  • สำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ ถ้าเป็นชนิดนิ่ม ให้งดใส่ 5-7 วัน ก่อนเข้ารับการตรวจสอบสภาพตา ถ้าคอนแทคเป็นชนิดแข็ง หรือกึ่งๆ ให้หยุดการใส่ 14 วันก่อนเข้ารับตรวจสภาพตา
  • สำหรับคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ต้องรอหลังจากเดือนให้นมไปแล้ว 6 เดือน ถึงจะเข้ารับการตรวจตาได้

 

เมื่อผ่านขั้นตอนตรวจสอบตาเบื้องต้นแล้ว ทีนี้เราจะมาดูกันว่า วิธีรักษามีอะไรบ้าง

ก่อนจะเริ่มการรักษา คุณหมอก็จะหยอดยาชาให้ก่อนค่ะ หลังจากนั้นก็จะอธิบายขั้นตอนต่างๆว่าจะทำอะไรบ้าง  ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราตกลงกับจักษุแพทย์ว่าจะใช้วิธีไหน ส่วนใหญ่การรักษาจะใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงไปจนไปถึง 1 ชั่วโมงค่ะ

 

หลังรับการรักษา

หลังผ่าตัดเสร็จสายตาเราก็จะปรับมาได้ในระดับและคุณหมอก็จะอนุญาติให้กลับบ้านได้เลย แต่ในวันถัดมาจะต้องเข้ามารับการตรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้

ผลข้างเคียงที่เจอมีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ระคายตา น้ำตาไหลไม่หยุดในสองวันแรก บางครั้งอาจเจอปัญหาที่การผ่าตัดอาจจะเป็นการแก้สายตามากเกินไปหรือน้อยเกินไป มองแสงเป็นภาพกระจาย หรือรู้สึกเหมือนมีรัศมีรอบดวงตา ในตอนกลางคืน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว 2-3 สัปดาห์ อาจเกิดภาวะตาแห้งต้องคอยหยอดตา  หรือเห็นภาพไม่คมชัดคงที่

 

ข้อควรระหวังหลังทำ

  • ต้องระวังไม่ให้น้ำเข้าดวงตาในช่วง 7 วันแรก เพราะฉะนั้นควรเลี่ยงการสระผมด้วยตัวเอง และการอาจจะล้างหน้าด้วยการใช้สำลีชุบน้ำ เพื่อให้นำ้กระเด็นเข้าตาได้
  • บางครั้งอาจจะรู้สึกว่าตาสู้แสงไม่ไหว เพราะฉะนั้นควรพกแว่นกันแดดตลอดเวลา ช่วงแรกๆไม่ควรจะขับรถเอง แต่หากจำเป็นต้องระวังให้มากๆ
  • หลังจาก 7 วันจะสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้เป็นปกติ แต่ก็ยังต้องยกเว้นกีฬาทางนำ้อยู่

 

ข้อดีของการรักษาสายตาด้วยวิธีนี้

นอกจากข้อดีที่รู้ๆกันคือ ช่วยแก้ปัญหาภาวะสายตาผิดปกติได้อย่างถาวรและส่วนใหญ่จะแม่นยำกับค่าสายตาของเราแล้ว วิธีการรับการรักษานั้นใช้เวลาค่อนข้างรวดเร็ว และไม่ต้องมีการฉีดยาใดๆ ใช้แค่หยอดยาชาอย่างเดียว ไม่มีการเย็บแผลอีก และแผลหายเร็ว ทำให้การรับผ่าตัดนี้นั้นกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่ากลัวอีกต่อไป

หากกำลังมองหาสถาบันที่จะเลือกเพื่อเข้ารับการผ่าตัด ก็สามารถลองอ่านรีวิวที่ทางทีมเราได้รวบรวมมาให้นะคะ จะได้มีความมั่นใจว่าเราจะได้รับการรักษาอย่างปลอดภัย และรู้สึกมั่นใจที่จะทำมากขึ้นค่ะ