การตรวจ MRI เป็นที่แพร่หลายในวงการการแพทย์เพราะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและแม่นยำที่สุด การตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีนี้จะช่วยยืนยันผลการตรวจอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลได้ไม่เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรค วางแผนการรักษา และติดตามผลการรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราคา MRI หรือค่าสแกน MRI นั้นจะขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลแต่ละที่ MRI ราคาถูกตามคลินิกก็มีทั้งที่ดีบ้างและไม่ดีบ้าง ดังนั้นเราจึงแนะนำให้คุณตัดคำถามที่ว่า MRI ราคาเท่าไหร่ หรือ MRI scan ราคาเท่าไหร่ออกไปก่อน และเช็คข้อมูลของสถานพยาบาลหรือคลินิกนั้นๆ ว่าได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามมาตรฐานการแพทย์หรือไม่ หากต้องการทำ MRI จมูก คุณก็ควรเช็คข้อมูลสถานพยาบาลไปจนถึงรีวิวของผู้ใช้บริการ MRI จมูก เพื่อพิจารณาควบคู่กับราคาเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนเข้ารับบริการนะคะ

ก่อนที่จะรับการตรวจนั้น เรามาทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมถึงต้องใช้วิธีนี้และขั้นตอนเป็นอย่างไรบ้าง

การตรวจด้วยคลื่นเหล็กไฟฟ้านี้ เป็นเทคนิคในการใช้ เครื่องตรวจที่มีึคลื่นสนามแม่เหล็กความเข้มสูงและในขณะเดียวกันใช้คลื่นที่เป็นคลื่นวิทยุเพื่อการตรวจทางกายวิภาคและสรีรวิทยาของร่างกาย ซึ่งจะบ่งบอกสุขภาพของร่างกายและโรคภัยต่างๆได้ โดยเฉพาะ หัวใจ สมอง ร่างกายส่วนที่เป็นมะเร็ง กล้ามเนื้อ และกระดูก นอกจากนั้นยังเป็นการตรวจเพื่อติดตามผลการรักษาว่ามีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด

หลักการของการตรวจด้วยคลื่นไฟฟ้านี้ เกิดขึ้นเมื่อเครื่องยิงคลื่นแม่เหล็กเข้าไปที่ร่างกาย ส่วนประกอบของมนุษย์เราที่ เช่น โมเลกุลน้ำ ที่มีคุณสมบัติเป็นไฮโดรเจนอะตอมจะถูกกระตุ้นโดยคลื่นวิทุยที่มีความถี่จำเพาะเข้าไปที่ร่างกายและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับพลังงานตามทางฟิสิกส์ โดยการกระตุ้นไฮโดรเจนอะตอมจะทำให้ร่างกายมีการคายพลังงานออกมาก ทำให้อุปกรณ์รับสัญญาณจะแปลพลังงานนั้นออกมาบนจอภาพ

 

ลักษณะการใช้งานกับผู้ป่วย

ผู้ได้รับการตรวจสอบจะต้องเข้าไปนอนในเครื่องที่คล้ายกับอุโมงค์ โดยจะมีความกว้างอยู่ที่ 60 เซนติเมตร และจะมีอุปกรณ์รับสัญญาณภาพขึ้นอยู่กับว่ากำลังตรวจส่วนใดของร่างกายและภาพจะปรากฏขึ้นมาบนจถที่มีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการตรวจกระดูกสันหลังอุปกรณ์รับภาพจะตั้งอยู่ด้านหลังของผู้ป่วย โดยในการตรวจแต่ละครั้งผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งอยู่ในเครื่องราวๆ 30 นาที ขึ้นอยู่กับการตรวจ โดยในแต่ละจุดจะใช้เวลาในการตรวจ 3-5 นาที โดยประมาณ บางครั้งการตรวจในบางส่วนของร่างกายผู้ป่วยอาจจะตัองกลั้นหายใจ เช่น การตรวจช่องท้องและหัวใจ

 

การเตรียมตัวก่อนทำ

ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลและดุลยพินิจของแพทย์ ที่สำคัญ คุณควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่เครื่องแต่งกายที่มีส่วนประกอบของโลหะ เช่น กิ๊ป ตุ้มหู กำไล สร้อยคอ จิลหรือเหล็กเจาะจมูกหรือสะดือ กางเกงที่มีซิปหรือกระดุมเหล็ก เป็นต้น

 

ประโยชน์ของการทำ

  1. ขณะตรวจจะไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ
  2. ไม่มีอันตรายจากรังสีตกค้าง
  3. เหมาะกับการตรวจกล้ามเนื้อ เอ็นยึดกล้ามเนื้อและกระดูก
  4. สะดวกกับการตรวจเส้นเลือดโดยไม่ต้องผ่านการฉีดสารและการสวนยางเพื่อฉีด ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งผู้รับการตรวจและแพทย์เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง และลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก ทำให้ผู้ตรวจสามารถเดินทางกลับบ้านได้ตามปกติหลังได้รับการตรวจ
  5. ภาพที่ได้จากการทำจะละเอียดแม่นยำ โดยเป็นการแยกเนื้อเยื่อต่างๆออกจากกัน ทำให้การวินิจฉัยโรคเป็นไปได้ง่ายและยังได้ตรวจได้ทุกระนาบอีกด้วย
  6. เหมาะกับการตรวจเนื้อเยื่อที่ไม่กระดูกมากที่สุด โดยเฉพาะเส้นประสาทในร่างกาย

 

ข้อควรระวังในการทำ

แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่คลื่นสนามแม่เหล็กแรงสูงมีผลต่อโลหะและอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ผู้ป่วยหรือผู้เข้ารับบริการจึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่มีส่วนประกอบของโลหะ หากจำเป็นต้องสวมใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีส่วนประกอบของโลหะ เช่น แขนขาเทียม ฟันปลอม เครื่องกระตุ้นหัวใจ ประสาทหูเทียม เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือด อินซูลินปั๊ม ห่วงอนามัยที่มีโลหะ จึงควรแจ้งและทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และหากพบอาการผิดปกติขณะตรวจ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยทันที

หากผู้ป่วยกำลังเตรียมตัวที่จะเข้ารับการผ่าตัดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ตา หูและสมอง จะไม่สามารถรับการตรวจด้วย เนื่องจากการผ่าตัดลักษณะนี้มักจะมีการฝังเครื่องมือทางการแพทย์ในตัวผู้ป่วย

ผู้ที่ได้รับการจัดฟันและยังใส่เหล็กดัดฟันไว้ จะไม่สามารถรับการตรวจด้วยวิธีนี้ได้ จนกว่าจะนำเหล็กดัดฟันออกก่อน

สำหรับสาวๆหลายคนที่รักการแต่งหน้า อาจจะต้องหยุดการแต่งหน้าไว้ก่อนที่จะรับการเข้าตรวจ เนื่องจาก มาสคาร่า หรืออายแชโดว์อาจทำให้เครื่องมองเห็นว่าเป็นสิงแปลกปลอมได้ ทำให้ผลการตรวจไม่แม่นยำ

ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ สามารถทำได้ตามปกติ เนื่องจากไม่มีรังสีที่ป็นอันตรายต่อเด็ก แต่หากต้องฉีดสารหรือสีเข้าหลอดเลือดดำร่วมกับการตรวจ อาจส่งผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ การดำเนินการตรวจจึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ผู้ที่เพิ่งทำร้อยไหมบนใบหน้าอาจจะต้องระวังก่อนการตรวจและควรแจ้งให้แพทย์ทราบ โดยหากได้รับการทำร้อยไหมแบบไม่มีเขี้ยว ซึ่งหมายถึงการทำร้อยไหมทองคำ จึงต้องตรวจสอบกับสถาบันความงามให้ดีว่า ไหมทองคำนั้นบริสุทธิ์จริงหรือไม่ เพราะหากไม่บริสุทธิ์ คลื่นความถี่ที่ถูกส่งจากเครื่องจะทำปฏิกิริยากับโลหะที่ปนในไหมทองคำได้ จนทำให้เกิดความร้อนและเกิดการไหม้บนใบหน้าได้ หรืออีกผลกระทบที่อาจเกิดได้คือ คลื่นไฟฟ้าจะทำปฏิกิริยากับไหมทำให้เกิดการเคลื่อนตัวและส่งผลให้รูปหน้าบิดเบี้ยวไปได้

ส่วนในกรณีของผู้ป่วยที่ไม่สามารถนอนเฉยๆ ได้นาน ก็ควรรีบแจ้งแพทย์ให้ทราบข้อมูลและหาวิธีแก้ไขต่อไป

 

วิธีการทำ

  1. ผู้ได้รับการตรวจจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่จะสามารถเข้าเครื่องตรวจได้ ถอดเครื่องทุกชนิดออกจากร่างกาย
  2. เมื่อผู้ตรวจนอนไปในเครื่องจะมีเครื่องจับสัญญาณแม่เหล็กมาวางที่ร่างกายในส่วนต่างๆที่ต้องการตรวจ หนักประมาณ 1 กิโลกรัม
  3. เมื่อเร่ิมการตรวจผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ และทำตามเสียงคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการกลั้นหายใจ และหยุดกลืนนำ้ลาย
  4. ขณะถ่ายภาพอาจจะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนหรือมีกาเคลื่อนไหวเล็กน้อย เนื่องจากเราต้องเข้าไปอยู่บริเวณศูนย์กลาง ของเครื่อง

 

การดูแลหลังทำ

หลังเสร็จขั้นตอนการตรวจ ผู้เข้ารับบริการหรือผู้ป่วยสามารถกลับบ้านทำกิจกรรมได้ตามปกดิ แต่ในบางรายที่มีการใช้ยาช่วยควบคุมสภาวะอารมณ์ให้นิ่งขึ้น อาจจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์จนกว่าสติจะกลับมา เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีการฉีดสีเข้าเส้นเลือดดำ อาจมีอาการผิดปกติเล็กน้อย เช่น รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ผิวหนังระคายเคือง ตาพร่ามัว หรือหากมีอาการอื่นๆ ตามมา เช่น คลื่นไส้ เวียนหัว อาเจียน หายใจไม่สะดวก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยทันที

ผลการตรวจนั้นจะออกภายใน 1-2 อาทิตย์ ซึ่งคุณสามารถทราบผลได้จากช่องทางทางโทรศัพท์ที่ทางสถานพยาบาลจะเป็นผู้โทรแจ้งให้คุณทราบ หรือนัดเข้ามาฟังผลกับทางรังสีแพทย์ด้วยตนเอง

 

การตรวจราคาเท่าไหร่

แน่นอกว่าการตรวจในแต่ละส่วนของร่างกายนั้นก็จะมีราคาที่ต่างกันออกไป เช่น หากจะตรวจสมองหรือสแกจมูก MRI ก็จะมีความแตกต่างกัน นอกจากนั้นอังอยูที่สถาบันที่เราเลือกด้วย เพราะฉะนั้นเราจะต้องอ่านรีวิวให้เยอะๆ เพื่อที่จะสามารถประเมินราคาเบื้องต้น ซึ่งจะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมได้ด้วยว่า มาตรฐานราคาน่าอยู่ที่ประมาณไหน ซึ่งอาจจะมีตั้งแต่ 9,000 เป็นต้นไป ในสถาบันรัฐบาล ในขณะที่สถาบันเอกชนอาจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ตั้งแต่ 18,000 บาท