หมายเหตุ
โดยหลักการแล้ว ราคาของเราจะเริ่มต้นที่ราคาเฉลี่ยและราคาอ้างอิง
มาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีการรักษาริ้วรอย เหี่ยวย่น ร่องลึกที่กำลังเป็นที่นิยมกันค่ะ
ฟิลเลอร์ คือการใช้สารเพื่อเติมเต็มบนผิวหนังในส่วนที่เกิดร่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสารที่ใช้ในเกิดจากการเลียนแบบสารที่ธรรมชาติที่อยู่ในผิว ทำให้เมื่อฉีดเข้าไปรักษาร่องลึกต่างๆนั้นจะทำให้ ผิวใบหน้าดูเต่งตึง ตืนและนูนขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มใยคอลลาเจนที่สูญเสียไป ให้ผิวดูมีน้ำนวลและดูเยาว์วัยขึ้น
คุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่ควรรู้
- ความยืดหยุ่น ซึ่งช่วยสร้างความทนต่อแรงบิดและขยับ ซึ่งเหมาะกับผิวบริเวณที่มีการขยับบ่อย เช่น ร่องแก้ม มุมปาก เป็นต้น
- ความแข็ง เป็นการสร้างความทนต่อแรงกดในด้านแนวตั้ง เหมาะกับการฉีดเพื่อยกโครงหน้าในชั้นกระดูก เช่น คาง จมูก หรือฉีดเพื่อให้หน้าเต่งตึงขึ้น
- ความกระจายตัว เพื่อช่วยให้หลังการฉีดผิวมีความเรียบเนียสม่ำเสมอ ไม่เป็นก้อนนูนขึ้น โดยเหมาะกับคนที่มีผิวบางหรือผิวแห้ง
- ค่าความอุ้มน้ำ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของผิวที่ฟูขึ้นในบริเวณที่ฉีด โดยหากหลังทำแล้วคนไข้กินน้ำเยอะจะทำให้ความฟูชัดเจนมาก ถ้าดื่มน้ำน้อยก็จะมีความแฟบมาก จนไม่เหมาะกับการฉีดใต้ตา แต่เหมาะกับการฉีดตามร่องแก้มหรือขมับ ข้อดีอีกอย่างคือสามารถให้ผลได้ดีหากฉีดที่ปริมาณ 1 ซีซีจะเห็นความฟูได้ถึง 1.5 ซีซีเลยทีเดียว
การรักษาริ้วร้อยแบบนี้เหมาะกับคนกลุ่มไหนกันนะ
การรักษาด้วยวิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีรอยลึกที่บริเวณมุมปากหรือรอบดวงตา นอกจากนั้นเลยยังสามารถใช้ในการปรับโครงหน้าได้อีกด้วย เพื่อให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ หรือบางครั้งอาจจะใช้กับผู้ที่ผิวหนังใต้คิ้วตกมากๆ มีริ้วร้อยบนมือ หลังลำคือ หรือบริเวณอก
ข้อดีในการรักษาด้วยวิธีนี้
- สามารถหาทำได้ง่ายและรวดเร็วทันใจ
- ราคาถูก เพราะนอกจากจะมีตัวเลือกคลินิคมากมายแล้ว ยังมักจะมีโปรโมชั่นอีกด้วย ทำให้ราคานั่นน่าฟังเลยทีเดียว
- สามารถปรับโครงหน้าได้ตามที่ต้องการ
- สำหรับผู้ท่ีมีอายุแล้ว สามารถรักษาร่องรอยได้ด้วยวิธีนี้ ซึ่งใช้เวลาในการทำไม่นานและเห็นผลได้ชัดเจน ทำให้ดูเยาว์วัยขึ้น
- ช่วยเสริมโหงวเฮ้งบนใบหน้า
แล้วข้อเสียละ
การรักษาในลักษณะนี้ หากฉีดในปริมาณที่มากจนเกินไปจะทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการบวมแดงได้
แล้วการรักษาแบบนี้เขาทำยังไงนะ
จริงๆแล้ววิธีการอยู่ที่ว่าเรารักษาส่วนของใบหน้าหรือร่างกายวิธีการและปริมาณก็จะต่างกันไป
ต้องระวังอะไรก่อนที่จะตัดสินใจทำ
เนื่องจากในปัจจุบันมีคลินิคที่ให้บริการในด้านนี้มาก แต่บางแห่งอาจจะเลือกใช้สารที่ไม่ดี ไม่ถูกต้องตาม อย หรือไม่ได้รับมาตรฐาน เพราะฉะนั้นการอ่านรีวิวเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆให้ถี่ถ้วย ตรวจสอบว่าคลินิคได้รับมาตรฐานที่ดีหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันนั้นๆจะใช้สารที่ดีมีมาตรฐาน อาจจะพูดคุยสอบถามให้แน่ใจและถ้าเป็นไปได้ขอดูก่อนทำได้ยิ่งดีเลย
การเลือกคลินิค จะทำที่ไหนดี
แน่นอนว่าการเลือกคลินิคต้องอ่านเคสที่ทางสถาบันนั้นได้ให้บริการซึ่งอยู่บนเวบไซต์ของแต่ละที่ที่ลงไว้ แต่เนื่องจากว่าแน่นอนที่แต่ละคลินิคจะต้องนำเสนอแต่เรื่องดีๆ ซึ่งอาจจะทำให้เราไม่ได้ข้อมูลที่จริงแท้ ทำให้ทางเราได้ทำการรวบรวมข้อมูลซึ่งมาจากผู้ใช้โดยตรง เพื่อให้แน่ใจข้อที่ผู้อ่านได้รับไปนั้นจะเป็นข้อเท็จจริงและช่วยในการตัดสินใจ
ปกติแล้วการรักษาแบบนี้กี่บาทกันนะ
โดยทั่วๆไปแล้วจะคิดค่าการรักษาเริ่มต้นตามปริมาณของสารที่จะต้องฉีด โดยแพทย์จะต้องประเมินผลก่อนการทำและให้คำแนะนำว่าควรจะฉีดในปริมาณเท่าไหร่ โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ราวๆ ซีซีละ 2,500 บาท แต่ราคาเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่แต่ละสถาบันและโปรโมชั่นที่มีในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนการทำ
ก่อนทำ 24 ชั่วโมง ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายมีการสูบฉีดร่างกายมากว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกายอย่างหนัก แม้แต่การเข้าซาวน่าก็ควรงดด้วย
ก่อนรับการรักษา 30 นาที
ลบเครื่องสำอางค์ รับการแปะยาชาบริเวณที่จะทำหรือหากบางคนมีอาการแพ้จากการแปะอาจจะใช้วิธีการฉีดแทนได้ ในบางกรณีแพทย์อาจจะให้รับยาห้ามเลือด ฉีดยาลดบวม หรือให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการอักเสบและบวมช้ำ
หลังทำต้องดูแลตัวเองอย่างไร
- หลังทำพยายามอย่าไปจับต้องบริเวณนั้นๆ เพราะแผลอาจจะใช้เวลา 2-3 วัน และอาการบวมช้ำก็จะลดลงไปเอง แต่ถ้ายังมีอาการให้กลับไปหาหมอเพื่อตรวจอีกที
- พยายามอยู่ในบริเวณที่มีอากาศไม่ร้อน และเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรง
- งดการเลเซอร์ทุกชนิด เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน
- พยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบิดเบี้ยว
ถึงแม้ว่าการรักษาริ้วรอยแบบนี้จะเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่เราก็ต้องเลือกสถาบันที่จะทำให้ดี เนื่องจากว่าสารที่ไม่ได้รับมาตรฐานก็มีการใช้แพร่หลายเช่นเดียว เพื่อความปลอดภัยต้องอ่านข้อมูลให้มาก เพื่อให้แน่ใจว่าสถาบันนั้นๆจะมีความน่าเชื่อถือจริง