จัดฟันด้านใน
ชื่ออื่น ๆ : จัดฟันแบบไม่เห็นเครื่องมือ, จัดฟันแบบ lingual
จัดฟันด้านในคืออะไร ทำไมต้องจัดฟันด้านใน?
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดฟันถือเป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับหลาย ๆ คนอย่างเห็นได้ชัด เพราะนอกจากการจัดฟันจะช่วยให้ฟันเรียงกันสวยแล้ว ยังมีผลทำให้รูปหน้าของผู้ที่จัดฟันเปลี่ยนแปลงอีกด้วย ปัจจุบันเทคโนโลยีในวงการทันตกรรมจัดฟันได้พัฒนาไปอย่างมาก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ซึ่งเลือกจัดฟันด้านใน หรือ จัดฟันแบบ Lingual ซึ่งเป็นการซ่อนเครื่องมือไว้ด้านหลังฟัน เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นเครื่องมือจัดฟัน ทำให้ผู้ที่จัดฟันรู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบนี้จะมีความซับซ้อนกว่าการจัดฟันแบบธรรมดาอยู่มาก เพราะฟันแต่ละซี่มีลักษณะแตกต่างกัน จึงต้องใช้เครื่องมือและเทคนิคพิเศษ และอาศัยทันตแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้เป็นผู้ทำการจัดฟันให้เท่านั้น
ขั้นตอนจัดฟันด้านใน
- พบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและวางแผนการรักษาเบื้องต้น
- เอกซเรย์ฟันและกระโหลกศีรษะด้านข้าง
- พิมพ์ฟันเพื่อเตรียมอุปกรณ์การจัดฟันด้านใน
- ทันตแพทย์ทำการวิเคราะห์ผลเอกซ์เรย์และพิมพ์ฟันก่อนใส่เครื่องมือ
- เตรียมช่องปากก่อนจัดฟัน เช่น การถอนฟัน อุดฟัน หรือขูดหินปูน
- ใส่เครื่องมือจัดฟัน
- หลังใส่เครื่องมือแล้ว ผู้จัดฟันจะต้องมาพบทันตแพทย์ทุกเดือนเพื่อปรับแต่งอุปกรณ์ให้เหมาะกับรูปฟันที่เปลี่ยนไป
- ใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (Retainer) หลังเสร็จสิ้นการจัดฟัน
- ตรวจผลการรักษาทุก 6 เดือน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี
ผลข้างเคียงหลังจัดฟันด้านใน
ในระยะแรก อาจมีอาการเจ็บหรือปวดบ้างเล็กน้อย ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานยาบรรเทาปวด จากนั้นอากาการจะค่อย ๆ หายไปภายใน 1-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
รู้ไว้ก่อนจัดฟันด้านใน
ผู้ที่ใส่เครื่องมือจัดฟันแล้ว อาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตบางอย่าง หลัก ๆ คือ การรับประทานอาหาร หรือการดูแลความสะอาดช่องปาก โดยผู้ที่จัดฟันด้านในจะต้องระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารเป็นพิเศษ ห้ามเคี้ยวหรือกัดของแข็ง แปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร ใช้น้ำยาป้วนปาก ขูดหินปูนและขัดฟันด้วยฟูลออไรด์ทุก 6 เดือน นอกจากนั้น ผู้ที่เลือกจัดฟันด้านในอาจรู้สึกได้ถึงการพูดและออกเสียงที่เปลี่ยนไปในระยะแรก ๆ ซึ่งจะต้องใช้เวลาฝึกฝนให้การพูดกลับมาเป็นปกติเร็วที่สุด